CF:บทที่ 246 สมมติฐานของไรมานน์

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 246 สมมติฐานของไรมานน์


บางคนถึงกับประหลาดใจ บ้างก็นั่งงงและบางคนก็ถึงกับช็อคเมื่อหน้าจอใหญ่ฉายโจทย์คณิตศาสตร์ขึ้นมา


สมมติฐานของไรมานน์ หนึ่งในสุดยอดบุคคลทั้งเจ็ดด้านโจทย์คณิตศาสตร์ระดับโลก


โจทย์ข้อความคาดการณ์เช่นนี้ได้รับการผลักดันโดยนักคณิตศาสตร์ ไรมานน์ ในปี 1859 นี่เป็นโจทย์ที่สำคัญที่สุดของสาขาวิชาคณิตศาสตร์ในปัจจุบัน


พิธีกรจึงกล่าวขึ้นว่า “ความจริง ผมก็ไม่รู้อะไรมากในเรื่องโจทย์คณิตศาสตร์ แต่จากสีหน้าของทุกคน ผมก็เลยคิดล่ะครับว่าจะต้องเป็นโจทย์เลขที่ยากมากทีเดียว ถ้างั้นเดี๋ยวจะบอกกติกานะครับ ทางเราจะมีเวลาให้ 30 นาที นักคณิตศาสตร์ที่เราเชิญมาจะประเมินผลลัพธ์ที่ได้โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่แสดงอยู่บนคอมพิวเตอร์”


“อุปกรณ์พร้อมไหม” เขาเอ่ยถามช่างทั้งสองฝ่าย 


จริงๆแล้ว คำถามนี้พุ่งไปที่ฝั่งกูเกิลโดยเฉพาะ เขาอยากจะรู้ว่าอุปกรณ์ของฝั่งดังกล่าวเตรียมพร้อมดีแล้วหรือยัง


“พร้อมแล้วครับ”


ในตอนนี้ ทีมกูเกิลดูมั่นใจขึ้นเหมือนกับว่าพวกเขาเตรียมการเรื่องนี้มาเรียบร้อยแล้ว


“เอาล่ะ 30 นาทีนะครับ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าไรมานน์ ฮิปโปเทสิสนั้นคืออะไร ถ้าได้โจทย์ข้อนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว จะส่งผลกับเราเลยล่ะครับ เอาล่ะ มาดูบนหน้าจอกันครับ”


คนบางคนเริ่มค้นหา และเมื่อพวกเขาเห็นการแนะนำตัวเบื้องต้นของสมมติฐานไรมานน์ พวกเขาต่างก็พูดอะไรไม่ออก ปัญหาลักษณะนี้ที่เอามาใช้ในการแข่งปัญญาประดิษฐ์นั้นดูยากเกินไปสำหรับปัญญาประดิษฐ์จริงๆ


ตอนนี้เอง เครือข่ายก็เริ่มพูดคุยกัน คนส่วนใหญ่เองก็ไม่รู้ว่าสุดยอดโจทย์คณิตศาสตร์ทั้งเจ็ดคืออะไร


 “นักคณิตศาสตร์คนนั้น อธิบายให้เราฟังทีเถอะว่าสมมติฐานไรมานน์ นี้คืออะไร ประโยชน์ของการพิสูจน์สิ่งนี้คืออะไร”


“ฮ่าๆ แม้ว่าฉันจะไม่ใช่คนยิ่งใหญ่เช่นเขา แต่ฉันก็พอจะรู้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ถ้าข้อสมมติฐานของไรมานน์ได้รับการพิสูจน์ จะต้องมีประพจน์จำนวน 1000 อย่างที่เกี่ยวข้องกับข้อความคาดการณ์นั้นและจะถูกใช้เป็นตัวบททฤษฎี”


“ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น สมมติฐานของเขาจะได้รับการแก้ ตราบใดที่มีการพิสูจน์แล้วมีสิ่งกำกวมอยู่ในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ ผมเองก็ไม่รู้ว่าพวกนักคณิตศาสตร์คิดอะไรอยู่ แต่พวกเขาคงจะใช้คำถามประเภทนี้แข่งกันล่ะมั้ง”


“ฉันว่าใช้ปัญหาแบบนี้แข่งกันก็ดีนะ เพราะจะได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของปัญญาประดิษฐ์ ถ้าเราไม่ได้ระวังตัว พวกปัญญาประดิษฐ์คงพิสูจน์กันสนุกแน่ๆ”


“หรือถ้ากลายเป็นว่า สิ่งที่นายกำลังพูดถึงคนที่จะได้รับรางวัลเรื่องโจทย์ปัญหาในครั้งนี้ จะเป็นปัญญาประดิษฐ์น่ะหรือที่ได้”


“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าปัญญาประดิษฐ์จะรับไหม อาจจะต้องนับปัญญาประดิษฐ์เข้าไปด้วยหรือไม่ก็คนที่สร้างมันขึ้นมา”


ใครๆต่างก็อยากรู้ผลของโจทย์คณิตศาสตร์ที่ปัญญาประดิษฐ์จะเป็นคนพิสูจน์อย่างเห็นได้ชัด


แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะได้เห็นรายงานตรงหน้าและคำอธิบายจากนักคณิตศาสตร์  พวกเขาก็คิดว่านั่นไม่น่าจะเป็นไปได้


“ใครกันนะที่จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ เอาล่ะ ดูเหมือนกูเกิลจะเปลี่ยนอุปกรณ์แล้วครับตอนนี้ แล้วฟิวเจอร์กรุ๊ปล่ะ ไม่คิดจะเปลี่ยนกับเขาบ้างหรือครับ”


“ในอนาคต กลุ่มเราจะเตรียมชุดอุปกรณ์ที่ผมคาดว่าจะทำให้ผมได้เห็นหน้าช้ำๆบวมๆของกูเกิลได้ก็แล้วกันครับ ว่าแต่ทำไมคุณถึงต้องทำเรื่องให้สาธารณชนเขารับรู้มากขนาดนั้นตั้งแต่เริ่มล่ะ นี่ไม่ใช่สิ่งดีที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปเขาเรียนกันหรอกนะ เขาน่ะ พัฒนากันเงียบๆ”


 “ตอนเริ่มแข่ง ดูเหมือนว่าใครๆก็ต่างพูดกันว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ได้ดีเด่อะไรเลย แม้กระทั่งเจ้านายก็ยังไม่มา แต่มาตอนนี้ พวกผู้คนกลับหันไปดูถูกพวกกูเกิลแทน ผมอยากจะรู้จริงเลยนะว่าเทคโนโลยปัญญาประดิษฐ์ของกลุ่มนั้นจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหนในภายภาคหน้า”


“ทุกคนก็อยากจะรู้ถึงปัญหาที่ว่าไม่มีใครพูดอะไรได้เลย ตามที่ลูกจ้างในฟิวเจอร์กรุ๊ป ฝ่ายคอมพิวเตอร์ คนในนั้นแทบจะไม่ได้พูดคุยกันกับคนอื่นๆเลย เวลาส่วนใหญ่ของพวกเขานั้นใช้ไปกับงานในห้องคอมพิวเตอร์ และยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายนี้ก็ดูภายใต้การควบคุมของหัวหน้าฟิวเจอร์กรุ๊ป ก็ต้องเจ๋งสุดๆอยู่แล้ว”


 “ยิ่งทรงพลังเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ผมรู้สึกได้เลยว่าหุ่นยนต์อัจฉริยะจะอยู่รอบๆตัวเรา”


มีการถกเถียงมากมายบนอินเทอร์เน็ต หลังจากคนที่อยู่ในการแข่งขันเข้าใจโจทย์คณิตศาสตร์ สายตาของผู้ชมที่มีต่อนักคณิตศาสตร์ก็แปลกไป


เมื่อเทียบกับพลังความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ของปัญญาประดิษฐ์แล้ว ผู้คนก็รู้สึกว่าโจทย์นี้ไม่ได้เป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรเลย


ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในประเทศเหล่านี้ต่างทรงพลังมากกว่าปัญญาประดิษฐ์และสามารถแก้โจทย์ประเภทนี้ได้ดีกว่า


ไม่ใช่ว่านักคณิตศาสตร์ต่างจะหวังให้ปัญญาประดิษฐ์แก้โจทย์คณิตศาสตร์นี้ได้


อู๋ ฮ่าวเหรินที่เข้ามาในห้องแล็บกำลังดูแมทซ์ที่สองจากจี้และรู้สึกได้ว่านักคณิตศาสตร์พวกนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว


 “นายจะทำอะไร จี้”


เมื่อได้เห็นข้อมูลแปลกๆบนจอ อู๋ก็คิดว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติกับจี้


“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เป็นกระบวนการพิสูจน์โจทย์คณิตศาสตร์ในฐานข้อมูล”


“อืม หรือที่จะพูดก็คือ มีใครบางคนแก้โจทย์ไปก่อนหน้าแล้วใช่ไหม”


“ใช่ และไม่ใช่แค่นั้น แต่มีโจทย์เลขมากมายที่ได้รับการแก้ไปแล้ว การแก้โจทย์คณิตศาสตร์พวกนี้ช่วยเร่งความเร็วของมนุษยชาติในการเข้าถึงจักรวาลด้วย”


“และนอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีบางตัวที่เราใช้อนาคตที่จำเป็นต้องนำมาใช้ในทฤษฎีของโจทย์เลขพวกนี้เพื่อหาข้อออธิบาย”


อู๋ ฮ่าวเหรินนิ่งคิดไปสักครู่ ก่อนจะเอ่ยถาม “หรือจะพูดว่า ถ้าทฤษฎีพวกนี้ได้รับการพิสูจน์ การพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบนโลกนี้ก็จะไปไวขึ้นน่ะสิ”


“ใช่แล้ว การพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบางตัวจะได้รับการแก้ไขโดยความรู้พวกนี้ ตัวอย่างเช่น ทฤษฎีรูหนอนของยานอวกาศและพลังงานทางเลือก”


“ปึง”


อู๋ ฮ่าวเหรินตบโต๊ะทำงานราวกับว่าเป็นคนมีปัญหาทางจิต


“จี้ ถ้าเป็นกรณีแบบนั้น นายคิดยังไงที่สมมติฐานของไรมานน์จะได้รับการพิสูจน์ในเวลานี้”


เขาคิดถึงอะไรบางสิ่ง เพราะข้อความคาดการณ์พวกนี้จะสนับสนุนการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคอยผลักดันไปในอนาคตนั้นจะถูกนำมาใช้อย่างแน่นอน


จากนั้น เราจึงต้องมาแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ แต่ปัญหาก็คือโจทย์ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง ถ้าเป็นกรณีที่แก้ไขได้เอง เขาก็กลัวว่าจะถูกคนอื่นมองว่าตัวเองคือพระเจ้า


แม้ว่าประเทศพวกนั้นจะไม่ได้มากวนใจเขา แต่ก็มีประเทศอื่นๆอยู่บ้างที่รู้สึกคลางแคลง ใช้โอกาสนี้แก้โจทย์ในตอนแรกน่าจะดีกว่า แต่อย่างไร นี่ก็คือการเลือกเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จากบริษัทของพวกเขาเอง


 “ไม่ยากเลย ฉันเองก็ยังผ่านข้อมลการให้เหตุผลมาได้ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทจะต้องได้รับการผลักดันไปสู่จุดสุดยอดของ โลกอย่างแน่นอน”


“มันก็โอเค แต่บริษัทของเรายังไงก็อยู่บน โลกอยู่แล้ว และไม่เคยตกอันดับเลย”


เขามองไปที่หุ่นยนต์ผู้ช่วยที่กำลังทำการทดสอบชุดสุดท้ายและเครื่องยนต์ทรงพลังที่อยู่ตรงนั้น ก่อนจะกล่าวขึ้น “แม้ว่าถ้าสิ่งนี้จะไม่เกิด เมื่อไหร่ที่ข่าวของเครื่องยนต์ชิ้นนี้ถูกปล่อยออกไป ผู้คนก็ต้องตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะทางไหนก็ส่งผลกระทบหมด ถ้าจะมีเพิ่มอีกตัวหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ”


นักคณิตศาสตร์ที่กำลังพูดอยู่นั้นถูกขัดเข้าอย่างจัง


“ฟังนะครับ ข้อมูลเปลี่ยนไปแล้ว และดูเหมือนว่าจะมีข้อมูลแปลกๆ นั่นถือเป็นโจทย์/ปัญหาไหมครับ”


พิธีกรเจ้าบ้านรวมถึงผู้ชมต่างมองไปที่หน้าจอใหญ่ในทันที และ เฉิน เจิ้นหนิงที่อยู่อีกฝั่งก็ได้พบว่าข้อมูลมีความผิดปกติรวมไปถึงการทำงานของอุปกรณ์ด้วย


จนเมื่อเขาเห็นว่าอุปกรณืไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาจึงรู้โล่งอกก่อนจะคิดได้ว่าคงเป็นเพราะหมายเลขศูนย์ที่เปลี่ยนระบบอัลกอริทึ่ม


แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ นักคณิตศาสตร์ต่างจับจ้องที่หน้าจอขนาดยักษ์ด้วยดวงตาเบิกกว้างราวกับได้เห็นสมบัติ


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น