RC:บทที่ 107 มู่เถียนเชิง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 107 มู่เถียนเชิง


หลินเฟิงพร้อมที่จะจากไป


“หยุดนะ ฉันสงสัยว่าคุณมีบางอย่างที่ต้องทำเกี่ยวกับการปล้นธนาคารในครั้งนี้ ได้โปรดช่วยพวกเราสืบทีเถอะ!” อยู่ๆ มู่ซินซินก็พูดออกมา


“แม่งเอ้ย ไม่มีตาหรือยังไงกัน ผมก็กำลังช่วยพวกคุณอยู่นี่ไง มีผู้คนเห็นตั้งมากมาย อย่าพูดอะไรอีกเลยนะ!”


“แล้วอีกอย่างนะ ถ้าไม่ได้ผมช่วยคุณไว้ ก็ไม่รู้ว่าคุณจะโดนคนพวกนั้นลักพาตัวไปที่ไหนแล้วตอนนี้!”


“ยิ่งไปกว่านี้นะ ถ้าผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นธนาคารในครั้งนี้ แล้วผมจะช่วยคุณไว้ทำไมกัน? ผมจะช่วยคุณจับเจ้าโจรสองคนนั่นทำไมกัน?”


“ทีคุณยังจับโจรอีกคนหนึ่งไม่ได้เลย ผมก็เลยสงสัยว่าคุณตั้งใจปล่อยเขาไปเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง!” หลินเฟิงมองดูตำรวจหญิงคนสวยที่ชื่อมู่ซินซินด้วยรอยยิ้ม


“คุณ ก็ผู้ชายคนนั้นแข็งแรงมากและยังวิ่งเร็วมากอีกด้วย ฉันไล่ตามเขาไปและเขาก็หายตัวไป!” มู่ซินซินอธิบาย


“เอาล่ะ คุณสองคนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว ผมทราบรายละเอียดทุกอย่างแล้ว ขอบคุณคุณมากที่ช่วยเหลือ เดี๋ยวจะนำตัวโจรทั้งสองคนนี้ไปด้วย!” ขณะที่หลินเฟิงและมู่ซินซินกำลังทะเลาะกันอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนก็ก้าวเข้ามาและกล่าว


มู่ซินซินมองดูเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้น ดูเหมือนเธอต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ทำได้เพียงแค่จ้องมองอยู่อย่างนั้น


สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงประหลาดใจ มันดูเหมือนว่าบุคลิกบางอย่างของเจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนี้ดูไม่ปกติ เขาแอบเห็นความหวาดกลัวอย่างควบคุมไม่ได้ของตำรวจหญิงที่ชื่อมู่ซินซิน


“สวัสดีพ่อหนุ่ม ฉันชื่อว่า มู่เถียนเชิง!”


เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนก้าวเข้ามาและจับมือกับหลินเฟิง


“เอ๋? มู่เถียนเชิง? ตำรวจหญิงคนนี้ชื่อว่า มู่ซินซิน ทั้งสองคนเกี่ยวพันกันทางสายเลือดอย่างนั้นหรือ? ไม่แปลกใจเลยที่ฉันถูกจ้องแบบนั้น!” หลินเฟิงคิดอยู่ในใจ


“สวัสดีครับ เจ้าหน้าที่มู่!” หลินเฟิงตอบอย่างสุภาพ


“พ่อหนุ่ม คุณเก่งกาจมากเลย!” ในเวลานี้ มู่เถียนเชิงกล่าวชื่นชมหลินเฟิงและเขาก็รู้สึกถึงแรกบีบมหาศาลที่มือของเขา


แรงบีบนี้ช่างทรงพลังจนทำให้หลินเฟิงร้องออกมา เสียงของข้อนิ้วและกระดูกลั่นดังก๊อก ดังนั้นหลินเฟิงจึงรีบปล่อยพลังออกมา


“นี่นายกล้าดียังไง! แม้แต่หลานของฉันนายยังกล้ากินเต้าหู้(ลวนลาม)​ คนทั้งโรงพักไม่มีใครกล้าแตะต้องตัวเธอ แล้วนายกล้าดียังไงถึงได้มากินเต้าหู้และมาจีบเธอคนนี้?”


มู่เถียนเชิงจับมือของหลินเฟิงเอาไว้และแสยะสยิ้มบนใบหน้าของเชา เขาเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา เสียงนั้นเป็นเสียงที่เบามากซึ่งสามารถได้ยินเพียงแค่หลินเฟิงคนเดียว


ในขณะเดียวกันเจ้ามังกรสีดำก็ร้องคำรามอยู่ในจิตใจของหลินเฟิง มันดูเหมือนจะรู้สึกถึงสถานการณ์ของหลินเฟิงและพร้อมที่จะพุ่งทะยานออกมา


“ไม่เป็นไร เขาแค่ทดสอบฉัน!” หลินเฟิงหยุดเจ้ามังกรดำและเพิ่มพลังจิตวิญญาณของเขาเพื่อที่จะต่อต้านแรงบีบนั้น


“ฮ่าฮ่า ดีมาก พ่อหนุ่มนายนี่อนาคตสดใสแน่นอน!” อยู่ๆ มู่เถียนเชิงก็ปล่อยมือของหลินเฟิง และตบที่ไหล่เขาเขาพร้อมกับกล่าวออกมา


“เอาล่ะ ไปได้แล้ว!” หลังจากนั้น มู่เถียนเชิงก็จากไปพร้อมกับมู่ซินซิน


“คุณลุง เขา...” มู่ซินซินต้องการที่จะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา แต่ในที่สุดเธอก็ไม่ได้พูด เธอไม่สามารถที่จะพูดได้ว่าหลินเฟิงนั้นได้แตะที่หน้าอกของเธอ


“ฉันเห็นแล้ว ลืมมันไปเถอะ เขาไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ พวกเราไปกันเถอะ!” จากนั้นเขาก็พามู่ซินซินจากไป


“ท่านลุง! ฮื้อ!” ในที่สุด มู่ซินซินก็ถูกลากไป


“โอ้ย นี่มันเจ็บนะ จะฆ่าฉันหรือยังไง! ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน? เขาช่างทรงพลังเหลือเกิน!” หลังจากที่รอให้มู่ซินซินและคนอื่นๆ ไป หลินเฟิงก็ทำอะไรไม่ได้จึงรีบจับมือของเขาอย่างรวดเร็ว


มู่เถียนเชิงบีบมือของหลินเฟิงอย่างแรง หากว่าหลินเฟิงไม่ได้กินผลไม้พวกนั้นและเจ้ามังกรดำไม่ได้กลายร่างเป็นสัตว์วิญญาณ เขาก็คงสามารถที่จะหักกระดูกมือของหลินเฟิงได้อย่างแน่นอน


ในตอนนี้ มู่เถียนเชิงนั้นรู้สึกว่าจะทรงพลังกว่าหลินเฟิงยิ่งกว่าพลังใดๆ ที่หลินเฟิงเคยเห็นมา เมื่อยืนข้างๆ เขา มู่เถียนเชิงมีแรงกดดันแบบที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หลินเฟิงรู้สึกแย่มาก


หลังจากนั้น มู่เถียนเชิงก็พามู่ซินซินและกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไปยังโรงพัก


“คุณลุงคะ ทำไมถึงไม่ลงโทษชายคนนั้นให้กับซินซิน? เขาดูถูกซินซินนะคะ! คุณลุงไม่แค้นแทนซินซินงั้นหรือคะ!” มู่ซินซินบ่นให้เขาฟังขณะที่กำลังเดินไปด้วย


“ซินซิน อย่าบ้าไปหน่อยเลย เขาได้ช่วยเธอไว้และยังช่วยเธอจับโจรทั้งสองคน ถ้าเธอไม่ขอบคุณเขา แล้วทำไมยังต้องลงโทษเขาอีกล่ะ?” มู่เถียนเชิงกล่าว


“แต่ว่า แต่ว่า...”


“นั่นถือว่าเป็นน้ำใจช่วยเหลือไม่ใช่หรอ? เธอควรจะเห็นว่าชายคนนั้นถึงจะเป็นเพียงคนผ่านมาแต่เขาก็ยังเป็นคนดี! และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!” มู่เถียนเชิงกล่าว


“ไม่ใช่เรื่องง่ายงั้นหรือคะ? มันไม่แปลกหรอกค่ะ เขาก็แค่ฟลุคที่จับเจ้าโจรทั้งสองคนได้ไม่ใช่หรือคะ? ถ้าเป็นฉัน มันก็คงจะเป็นไปได้เหมือนกัน!” มู่ซินซินเชิดศรีษะขึ้นด้วยความภูมิใจและกล่าวออกมา


“ไม่ ไม่ ไม่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับชายคนนั้น เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกอย่างไรตอนที่จับมือกับเขา?” มู่เถียนเชิงกล่าว


“ยังไงคะ?”


“ฉันรู้สึกถึงความอันตราย แต่ในแว๊บเดียวมันก็หายไปแต่ฉันรู้ว่ามันยังคงอยู่!” มู่เถียนเชิงทบทวนความทรงจำและขมวดคิ้ว


“คุณลุงรู้สึกเหมือนถูกขู่งั้นหรือคะ? จะเป็นไปได้ยังไงกัน? ชายคนนั้นดูเหมือนว่าจะมีพลังแค่ระดับ C เท่านั้นเอง ไม่ถึงระดับ Bเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าพลังการต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งมากก็เถอะ!” มู่ซินซินกล่าว


“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าขอบเขตของเขาจะถึงสุดยอดของระดับC แต่ร่างกายและความแข็งแกร่งของเขานั้นเกินกว่าระดับBไปแล้ว ดังนั้นมันไม่ง่ายเลยที่...”


ส่วนทางอีกด้านหนึ่งนั้น หลินเฟิงถูมือของเขาและเขาใช้เวลาไม่นานที่จะรักษาตัวเอง แต่เขาก็ยังคงยิ้มด้วยความเจ็บปวด


“เอาล่ะ นี่มันสี่โมงยี่สิบแล้ว!” ทันทีที่หลินเฟิงมองเห็นเวลา มันเป็นเวลาสี่โมงยี่สิบแล้วและได้เลยเวลานัดหมายกับซูหว่านเอ๋อมาตั้งยี่สิบนาทีแล้ว


หลินเฟิงรีบมองดูโทรศัพท์มือถือและวิ่งไปที่ร้านอาหารมิตรภาพ ซึ่งหลินเฟิงใช้เวลาในการเดินไปเพียงสองสามนาทีจากที่จริงๆ แล้วต้องใช้เวลาเดินถึงสิบนาที


หลังจากที่ไปถึงร้านอาหารมิตรภาพ หลินเฟิงก็หยุดยืนที่หน้าประตูร้านเพื่อหายใจ จากนั้นไม่นาน เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและส่งข้อความหาซูหว่านเอ๋อ


“สวัสดีครับ ต้องขอประทานโทษนะครับ วันนี้ร้านของเราถูกเหมาโต๊ะไปแล้ว ท่านไม่สามารถเข้าไปได้หากไม่มีบัตรเชิญนะครับ!” หลังจากที่หลินเฟิงเดินเข้ามา บริกรชายคนหนึ่งก็ตรงเข้ามาหาและกล่าว


“อ้าว?” หลินเฟิงรู้สึกตกใจกับประโยคที่ได้ยินเมื่อเขาเดินเข้าประตูมา


เสียงร้องของหลินเฟิงเรียกความสนใจจากบริกรหลายคนที่อยู่ใกล้เคียง เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นมามองและเห็นหลินเฟิง พวกเขาก็รีบตรงเข้ามาหาเขา


“ขอประทานโทษด้วยค่ะ เขาไม่ได้ตั้งใจครับคุณหลิน เขาเพิ่งมาทำงานใหม่และไม่รู้จักคุณค่ะ!” บริกรสาวคนหนึ่งกล่าวอย่างรีบร้อน บริกรคนนี้นั้นหลินเฟิงเคยเห็นเขารู้สึกประทับใจอยู่ในใจ เพียงแต่เขาไม่รู้จักชื่อของเธอ


“นายไปได้แล้ว!” บริกรสาวกล่าวกับบริกรชายคนนั้น


“อย่างไรก็ตาม เถ้าแก่ได้แจ้งไว้แล้วว่าวันนี้ร้านของเราได้ถูกเหมาโดยหญิงสาวคนหนึ่ง แขกที่ไม่ได้รับเชิญไม่สามารถเข้ามาได้ค่ะ!” บริกรสาวเห็นสิ่งที่บริกรชายต้องการที่จะพูดจึงได้ตะโกนใส่เขาอย่างรีบร้อน และในที่สุดชายคนนั้นก็ถอยออกไปด้วยความไม่เข้าใจ


“คุณหลินคะ ฉันต้องขอประทานโทษจริงๆ เนื่องจากว่าธุรกิจร้านอาหารของเรานั้นขยายขึ้นเรื่อยๆ จึงได้จ้างคนใหม่เข้ามาทำงานหลายคน และพวกเขาไม่รู้จักคุณ เดี๋ยวฉันจะให้เขามาขอโทษคุณนะคะ!” บริการสาวกล่าว


“โอ้ ไม่ ไม่ต้อง! ไม่อย่างนั้น พี่หวางต้องไม่พูดกับฉันไปอีกนานแน่ๆ!” หลินเฟิงกล่าว


“โอ้ วันนี้เถ้าแก่อยู่ที่ร้านนะคะ เดี๋ยวฉันจะเรียกเขาออกมาให้พบตอนนี้เลยค่ะ...”




แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น