CF:บทที่ 612 การมาถึง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

เมื่อมิสต์กลับมาถึงพันธมิตรจักรวาล เขาก็ไปกระทรวงทหารกับโมรอนเดสเพื่อรายงานปฏิบัติการณ์ทั้ง 14

ในตอนแรกอู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่าหากเขาต้องการที่จะเดินไปรอบ ๆ ที่นี่ก็ต้องไปเอง เขาไม่คิดเลยว่านายพลมิสต์จะเตรียมคนนำทางและผู้คุ้มกันสี่คนไว้ให้สำหรับเขาด้วย

คนนำทางก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคนนี้อยู่กับเขามานานแล้ว

แน่นอนว่าอู๋ ฮ่าวเหรินยังเข้าใจชัดเจนจนบอกได้ว่าการคุ้มครองแบบนี้เป็นการคุ้มครองแบบเดียวกันกับนายพลมิสต์ทีเดียว

เพราะตลอดทางมีหลายคนที่กำลังหาข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงตัวเขาและต้องการจะเอาเทคโนโลยีอุปกรณ์ตรวจจับจากเขาไป

อย่างไรก็ตามอู๋ก็ไม่รู้ว่าเขาได้ไปทำให้คนโกรธเคืองไปมากมายก่อนที่เขาจะมายังพันธมิตรจักรวาล

เห็นได้ชัดว่าตระกูลูโอก็เป็นหนึ่งคนที่เกลียดอู๋ ฮ่าวเหรินมากที่สุด เขาพยายามบังคับสถาบันวิจัยชุดเกราะจนไปถึงจุดนั้นแล้ว และพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวผล แต่ไม่คิดเลยว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะมาตัดหน้าไปเสียก่อน

ชายคนนี้ผู้มีอิทธิพลในพันธมิตรจักรวาล เปิดการสอบสวนอู๋ ฮ่าวเหรินก่อนที่เขาจะมาถึงพันธมิตรจักรวาล

แต่น่าเสียดาย เช่นเดียวกับกองกำลังอื่นที่ต้องการตรวจสอบอู๋ ฮ่าวเหรินข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอู๋ ฮ่าวเหรินเป็นพียงข้อมูลที่ลงทะเบียนที่ท่าอวกาศเท่านั้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมไม่มีใครหาได้เลย เพราะอู๋ ฮ่าวเหรินอยู่ที่นั่นไม่นาน จากนั้นเขาก็เข้ากองยานที่3และได้รับการคุ้มครองจากนายพลมิสต์

หลังจากได้รู้ว่าอู๋ ฮ่าวเหรินมาถึงสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรจักรวาลแล้ว เขาจะบอกให้ผู้คนรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนและจากนั้นเขาก็พร้อมที่จะพบกับอู๋ ฮ่าวเหริน

อย่างไรก็ตามเขาก็จะพยายามซื้อศูนย์วิจัยจากอู๋ ฮ่าวเหริน

“ท่านครับ นี่คือข้อมูลที่เราเก็บรวบรวมมา เขาถูกล้อมไปด้วยผู้บัญชาการกองยานที่3 คนของนายพลมิสต์”

“ดูเหมือนว่าข่าวลือเป็นจริง นอกจากการซื้อศูนย์วิจัยจากมิสต์แล้ว เขายังร่วมมือกับมิสต์ในการผลิตอุปกรณ์ตรวจจับชนิดนั้นด้วย เราไปเยี่ยมชมผู้เป็นตำนานกันเถอะ”

ทว่าเขาก็ต้องผิดหวัง ในตอนนี้อู๋ ฮ่าวเหรินกำลังดูจดหมายเชิญจากกองกำลังหลักทั้งหมดโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

"โม่เก๋อจะจัดการกับจดหมายพวกนี้ยังไงดี?"

"ผมก็ไม่รู้ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาถามผมเรื่องนี้หรอก อย่างไรก็ตามผมคิดว่าคุณต้องอ่านพวกมันบ้าง"

"งั้นบอกหน่อยว่าฉันควรอ่านฉบับไหน"

"งั้นฉบับนี้และฉบับนี้ที่คุณควรจะอ่านทั้งหมด คุณเห็นไหมนี่คือผู้จัดหาวัสดุรายใหญ่ที่สุดของพันธมิตรจักรวาล ถ้าคุณต้องการร่วมมือกับนายพลและศึกษายานอวกาศและชุดเกราะคุณก็ต้องทำธุรกิจกับเขาด้วย..."

อู๋ ฮ่าวเหรินฟังคำแนะนำของโม่เก๋อ และในไม่ช้าก็เข้าใจอำนาจที่คนเหล่านี้แสดงให้เห็น

มีบางคนที่เขาจะต้องติดต่อในอนาคตและมีบางคนที่มิสต์ไม่สามารถขัดใจได้

แน่นอนสำหรับอู๋ ฮ่าวเหรินเขาไม่ได้กลัวกองกำลังเหล่านี้จนเกินไป เนื่องจากข้อมูลของอนาคตในมือ เขาจึงรู้จักกองกำลังเหล่านี้เหมือนเป็นหลังมือของเขาเอง

อย่างไรก็ตามรู้อะไรมากขึ้นอีกหนึ่งอย่างก็ย่อมดีกว่าไม่รู้ เขามาที่พันธมิตรจักรวาลเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องอารยธรรมพาลอสเป็นหลัก

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปหาคนจำนวนมากขนาดนั้นทีละคน มันเสียเวลา

ดังนั้นอู๋ ฮ่าวเหรินจึงคิดเตรียมที่จะจัดงานเลี้ยงและเชิญคนเหล่านี้ทั้งหมด

แต่ตอนนี้อู๋ อ่าวเหรินก็พบว่าเขาไม่มีเงินเลย แม้ว่าหินพลังงานเป็นเงินเช่นกัน แต่ไม่มีใครในพันธมิตรจักรวาลที่จะแลกเปลี่ยนกับมัน

ในที่สุดด้วยความช่วยเหลือของโม่เก๋อ เขาก็สมัครบัตรธนาคารของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในพันธมิตรจักรวาลได้ จากนั้นเขาก็เอาหินพลังงานจำนวนหนึ่งจากยานอวกาศและใส่เข้าไปในนั้น

เรื่องถัดไปก็ไปจะง่ายขึ้น ตราบใดที่มีเงิน สถานที่จัดงานและปัญหาอื่น ๆ ก็จะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็ใช้เส้นสายของมิสต์เพื่อส่งคำเชิญเหล่านั้นไป

ตระกูลลูโอ้ไม่เจออู๋ ฮ่าวเหรินในตอนแรกพอเขาได้ยินว่าอู๋ ฮ่าวเหรินกำลังจะจัดงานเลี้ยง เขาก็กำลังจะไปคุยกับอู๋ ฮ่าวเหรินที่งานเลี้ยง

ทว่าเขาก็ต้องผิดหวังที่ไม่ได้รับคำเชิญจากอู๋ ฮ่าวเหริน

ในอีกด้านหนึ่งหยิน จี๋ซึ่งกลับมาที่พันธมิตรจักรวาลก็กำลังเคลื่อนไหวเช่นกัน หรือควรจะบอกว่าก่อนที่เขาจะกลับมาที่พันธมิตรจักรวาลเสียอีก

ถึงเวลาสำหรับการลงมือแล้ว

ความเกลียดชังของชายคนนี้ต่ออู๋ ฮ่าวเหรินได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้รู้ว่าด้วยความช่วยเหลือของอู๋ ฮ่าวเหรินกองยานที่2และ3สูญเสียไปเพียงเล็กน้อยในการกำจัดอารยธรรมชั่วร้าย

ในความเห็นของเขาทั้งหมดนี้ควรเป็นผลงานของเขา ถ้าอู๋ ฮ่าวเหรินขายแผนที่ให้เขาในตอนนั้น

อย่างไรก็ตามชายคนนี้ก็ไม่ได้คิดว่าทำไมเขาถึงขายในราคาที่ถูกนัก

"ฉันได้ยินมาว่าชายคนนี้กำลังจะจัดงานเลี้ยง"

"ครับท่าน"

"ดีมาก งั้นเราก็คงปล่อยให้เขาจัดงานเลี้ยงไม่ได้ นายไป..."

เมื่อมิสต์รู้ว่าอู๋ อ่าวเหรินกำลังจะจัดงานเลี้ยงเขาขอให้โม่เก๋อไปถามอีกครั้งก่อนที่เขาจะโล่งใจ

ตอนนี้เขากังวลจริง ๆ ว่าบางคนกำลังเล่นตุกติกและทำลายความร่วมมือนี้

เพื่อให้บรรลุความร่วมมือโดยเร็วที่สุด เขาได้เริ่มลงมือตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในกรมทหารแล้ว

หลังจากกองยานที่2และ3จ่ายราคาจำนวนหนึ่งไป ปัญหาของสถานที่ก่อสร้างโรงงานที่เลือกไว้ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว

จากนั้นเพื่อให้มีอนาคตไกลในสถานการณ์ที่บอกไม่ได้ของอู๋ ฮ่าวเหรินกลุ่มเจ้าหน้าที่การทหารได้เริ่มปฏิบัติการ

มิสต์ตัดสินใจสร้างศูนย์วิจัยชุดเกราะที่นั่นแล้วย้ายไปที่นั่น

เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินได้ข่าวเขาก็ไม่พูดอะไร เขามอบแบบก่อสร้างทั้งหมดของโรงงานรวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นให้กับมิสต์

ในตอนนี้เขาเข้าใจว่าอุปกรณ์ตรวจจับที่เขาสามารถสร้างได้ตลอดเวลานั้นได้กลายเป็นจุดสนใจ

เขาให้ประโยชน์ส่วนใหญ่แก่กองยานที่2และ3แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ลงนามในข้อตกลง แต่เพื่อป้องกันปัญหาพวกเขาจะต้องให้ค่าตอบแทนกับอู๋ ฮ่าวเหริน

ดังนั้นเรื่องเงินสำหรับอุปกรณ์เหล่านี้ เงินที่ใช้ในการสร้างโรงงาน และเงินที่ช่วยให้อู๋ ฮ่าวเหรินพัฒนาศูนย์วิจัยชุดเกราะและศูนย์วิจัยยานอวกาศมิสต์ไม่พูดถึงเลย

ในห้อง อู๋ ฮ่าวเหรินดูสถานการณ์ของจี้และถามว่า "เป็นยังไงบ้าง? บุกเข้าไปได้ไหม"

"ไม่ได้เลย ระบบสมองแสงของพันธมิตรจักรวาลแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดไว้ มันไม่สามารถถูกบุกรุกด้วยความเร็วการประมวลผลของฉันเพียงคนเดียวได้"

อู๋ ฮ่าวเหรินทำอะไรไม่ถูก เขาสามารถหาข้อมูลจำนวนมากได้จากอนาคต แต่เขาไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับระบบสมองแสงของพันธมิตรจักรวาลได้

เขาคิดว่าด้วยกำลังของจี้ลำพัง ก็น่าจะบุกเข้าสู่ระบบสมองแสงได้ แต่ผลคือไม่มีความคืบหน้าอะไรตลอดทั้งคืน

นอกจากนี้ การโจมตีสองครั้งของจี้เกือบโดนจับได้โดยของระบบสมองแสงซึ่งทำให้อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกหวาดกลัว

ในท้ายที่สุดเขาต้องหยุดการบุกรุก

อย่างไรก็ตามการบุกครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จก็ยังคงได้รู้อะไรมาอยู่บ้าง

อย่างเช่นอุปกรณ์เชื่อมต่อระหว่างข้อมือของเขากับระบบสมองแสงจี้สามารถรบกวนได้ ตราบเท่าที่เขาไม่ต้องการให้สมองแสงของพันธมิตรจักรวาลตรวจสอบ พวกเขาก็จะทำไม่ได้

ด้วยวิธีนี้มันจะสะดวกกว่าสำหรับอู๋ ฮ่าวเหรินในการจะทำบางสิ่ง

"หลังจากสร้างฐานการทดลองของเราแล้วเราจะหาทางเอาอุปกรณ์สมองแสงขนาดใหญ่จากอนาคตและจากนั้นเราจะทำการบุกรุกอีกครั้ง"

อู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่าตามข้อมูลแล้ว ควรที่จะเข้าพบกับอารยธรรมที่สร้างสมองแสง บางทีเราอาจได้อะไรดี ๆ จากอารยธรรมนั้นด้วย

เขาคิดถึงข้อมูลของอารยธรรมนั้นในโลกอนาคต