CF:บทที่ 281 เทคโนโลยีที่ต้องตะลึง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 281 เทคโนโลยีที่ต้องตะลึง

 

เมื่อคนพวกนี้ได้กลับมาเจอกับอู๋ฮ่าวเหรินนั้น, ตอนนี้พวกเขาได้เป็นสมาชิกของฟิวเจอร์กรุ๊ปอย่างเป็นทางการแล้ว

 

"ขอยินดีต้อนรับสู่ฟิวเจอร์กรุ๊ป, เอาล่ะ ในตอนนี้พวกคุณก็ได้เป็นพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว มันก็เวลาที่สมควรที่จะให้พวกคุณได้รู้ว่าการทำงานต่อไปของพวกคุณและการพัฒนาของฟิวเจอร์กรุ๊ปในด้านการแพทย์นั้นเป็นไปในทิศทางไหน?"

 

ในห้องจัดแสดงนั้น, อู๋ฮ่าวเหรินได้ชิ้นไปที่แสงที่ฉายอยู่ตรงหน้าของเขา แล้วก็มีภาพฉายเสมือนจริงปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา

 

ถึงแม้ทั้ง 4 คนจะรู้เรื่องที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีเทคโนโลยีฉายภาพเสมือนจริงอยู่แล้ว และเคยเห็นผ่านวิดีโอมาก่อน แต่มันก็ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้

 

แต่ทว่า, ไม่นานนักพวกเขาก็ถูกดึงดูด้วยเนื้อหาที่อยู่ในภาพนั้น, พวกเขาแต่ละคนนั้นต่างก็จดจ้องเพราะกลัวที่จะพลาดเนื้อหาบางส่วนไป

 

20 นาทีผ่านไปก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวกัน, วิดีโอที่ฉายก็ได้ฉายจบลงไแล้ว โดยที่พวกเขานั้นยังรู้สึกตื่นเต้นกันอยู่

 

"มันสุดยอดมาก!"

 

"ไม่อยากจะเชื่อเลย! มันเหมือนกับกำลังฝันไป, เทคโนโลยีพวกนั้นมันทำได้จริงๆเหรอ"

 

"ฮ่าฮ่า, ดูเหมือนจะคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจลาออกจากสถาบันนั้นแล้วมาเข้าที่นี่, มันสุดยอดจริงๆ"

 

"ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีเทคโนโลยีแบบนี้อยู่ด้วย, โดยเฉพาะการเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้กลายเป็นเซลล์ธรรมได้นั้นสุดยอดมาก มันเหมือนกำลังดูหนังไซไฟอยู่ยังไงอย่างงั้น"

 

อู๋ฮ่าวเหรินมองดูคนพวกนี้ที่กำลังตื่นเต้นและก็เข้าใจความรู้สึกนั้นได้ มันเหมือนกับตอนที่เขากำลังดูยานรบในอนาคต, แน่นอนว่าหลังจากที่ได้เห็นยานรบแห่งอนาคตนั้นแล้วเขาก็รู้สึกตื่นเต้น แต่เขาก็ต้องผิดหวังเพราะเขาไม่สามารถแตะต้องมันได้

 

"เอาล่ะ, พวกคุณก็คงจะรู้กันแล้วว่างานของพวกคุณที่จะต้องเจอในอนาคตคืออะไร, แต่แน่นอนว่าการการพัฒนาด้านการแพทย์ของบริษัทเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา, ขอให้พวกคุณเตรียมตัวและยอมรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆเสมอ"

 

เหลียงกวนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม "หัวหน้าครับ, ขอให้คุณวางใจได้เลยครับว่า การท้าทายพวกนั้นมันจะทำให้พวกเราจะทำให้สำเร็จและจะทำให้ดีขึ้นไปอีกด้วย, พวกเราพร้อมที่จะเจอกับการท้าทายแล้วครับ"

 

"หัวหน้าครับ, บริษัทของเรามีอุปกรณ์แบบในนั้นแล้วจริงๆงั้นเหรอครับ?" เหอตงหยางได้ถามเขาอย่างสงสัย

 

"มันมีแล้ว, และงานต่อไปของพวกคุณคือการเตรียมยาตัวนี้ แล้วก็ใช้อุปกรณ์ที่ขั้นการทดลองกับพวกหนู, และเมื่อไม่พบกับปัญหาอะไรของเทคโนโลยีนี้แล้ว พวกเราก็จะเชิญผู้ป่วยบางคนมาเพื่อทดลองการรักษานี้"

 

"แล้วก็, อุปกรณ์และยาที่พวกคุณทำขึ้นมาในตอนสอบนั้นของวันนี้นั้น คือยาสำหรับใช้ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตามในภาพที่พวกคุณได้เห็นเมื่อสักครู่, ดังนั้น ในการรักษาโรคนี้นั้น การเตรียมยาถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ที่พวกคุณจะต้องชำนาญพวกมันให้ได้"

 

ทั้งสี่คนผงกหัว

 

พวกเขาตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอู๋ฮ่าวเหรินถึงได้เลือกที่จะให้สอบการผลิตยา

 

ถ้าเตรียมยาได้สมบูรณ์มากขึ้นเท่าไร, ผลของการรักษาก็จะดีขึ้นมากเท่านั้น และผู้ป่วยก็จะรักษาได้อย่างรวดเร็วที่สุด

 

เซี่ยมู่จู่ๆก็พูดขึ้นมา "หัวหน้าครับ, พวกเราให้คนมาร่วมทดลองจริงเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ?"

 

"ให้คนมาทดลองจริง?"

 

อู๋ฮ่าวเหรินคิ้วขมวดขึ้นมา, เขาว่าเขาพูดไปแล้วนะว่า ให้รู้ก่อนว่าอุปกรณ์และยาไม่มีปัญหาอะไรก่อน, เขาไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยมู่ถึงได้เสนอให้เขาทดลองกับคนทันที

 

ด้วยการอุบัติขึ้นมาของเทคโนโลยีการรักษาแบบใหม่นั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยว่าที่จะทำการทดลองกับมนุษย์ในทันที เพราะว่ามันง่ายที่จะเกิดปัญหาขึ้นมาได้, เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว อู๋ฮ่าวเหรินจึงยังไม่คิดที่จะเผยแพร่เทคโนโลยีนี้ออกไป

 

"หัวหน้าครับ, มันเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งจำนวนมากนั้นจะตายเสียก่อนขณะที่พวกเรากำลังทดลองอยู่ แต่หากเทคโนโลยีของหัวหน้านั้นใช้ในการทดลองแล้วมันสามารถได้ผลขึ้นมาจริงๆ, ยิ่งพวกเราทำให้มั่นใจได้เร็วขึ้นเท่าไร พวกเราจะสามารถรักษาชีวิตต่อๆไปได้เร็วขึ้นเท่านั้น"

 

คำพูดของคนๆนี้นั้นมีเหตุผล, เขานิ่งคิดไปชั่วขณะก่อนที่จะตอบกลับไป "ได้, ผมจะลองติดต่อไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องดู, ถ้าพวกเขาตกลง พวกเราก็จะเริ่มหาอาสาสมัครมาทดลองจริงกัน"

 

"ขอบคุณมากครับหัวหน้า"

 

"ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก, ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปที่ห้องวิจัยการแพทย์, ก่อนที่พวกคุณจะเริ่มการทดลองกับมนุษย์ พวกคุณจะต้องทดลองกับหนูก่อน, แล้วก็ พวกคุณจะต้องทำการคุ้นเคยกับขั้นตอนการเตรียมยาให้ได้อย่างเร็วที่สุดด้วย"

 

หลายคนผงกหัว, พวกเขานั้นตัดสินใจแล้วว่าจะทำการทดลองกับหนูให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อดูว่ามันจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นกับเทคโนโลยีนี้ก่อนที่จะเริ่มการทดลองจริง

 

หลังจากที่เข้าห้องวิจัยการแพทย์แล้ว, ทั้ง 4 คนต่างก็มองดูอุปกรณ์ที่อยู่ด้านใน โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่สามารถใช้กำจัดเซลล์มะเร็งได้ แล้วสายตามของพวกเขานั้นก็ได้เปลี่ยนไป

 

"พวกคุณจะต้องทำการคุ้นเคยกับอุปกรณ์พวกนี้, ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา พวกคุณสามารถแจ้งรปภ.ด้านนอกให้พวกเขามาช่วยจัดการได้นะ"

 

กลับไปที่ห้องแล็บ, อู๋ฮ่าวเหรินก็โทรหาจื่อหยงและถามเขาว่า เขาจะหาคนมาทดลองจริงได้ไหม?

 

จื่อหยงที่เพิ่งกลับมาจากห้องวิจัยเครื่องยนต์ แต่เขานั้นยังคงตื่นเต้นอยู่กับมันอยู่, เขาไม่คิดว่าเทคโนโลยีเครื่องยนต์ของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นจะมีประสิทธิภาพถึงขนาดนี้, และผลการทดลองของมันนั้นก็ทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญต่างก็ต้องตกตะลึง

 

ในเวลานี้, ที่ทางสถาบันการศึกษาต่างๆที่ทราบข่าวนี้ ก็ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมากมายตราบเท่าที่เกี่ยวข้องกับด้านเครื่องยนต์ มาอย่างเร่งรีบ

 

ท่านผู้นำเองก็มาอธิบายด้วยตัวเอง, ถึงเรื่องของความเร็วสูงสุด และสุดยอดของเทคโนโลยีเครื่องยนต์อันนี้ และการนำไปใช้ในด้านต่างๆของยุทโธปกรณ์ทางทหารในจีน

 

ในตอนนี้เอง, ถ้ามีใครกล้าที่จะมาทะเลาะกันในนี้อีก, คงจะไม่จบแค่โดนสอบสวนแน่ แต่อาจจะโดนลงโทษในฐานะกบฏเลย, ตอนนี้ทั้งสถาบันที่ล้อมรอบไปด้วยทหารซึ่งเข้านอกออกในตลอดเวลา, จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครที่เข้าหรือออกจากสถาบันแบบตามใจตัวเองได้

 

แน่นอนว่า ทางประเทศนั้นจะต้องประเมินค่าของฟิวเจอร์กรุ๊ปสูงขึ้นไปอีกระดับ และเขาเองก็ได้ยินด้วยว่าสถาบันวิจัยด้านอวกาศนั้นก็ได้เริ่มดำเนินการช่วยฟิวเจอร์กรุ๊ปทำแผนการทำดาวเทียมนำทางให้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็วที่สุดด้วย

 

หลังจากที่เขาเห็นโทรศัพท์ที่โทรมาจากอู๋ฮ่าวเหริน, จื่อหยงก็ถึงกับตกตะลึงและคิดว่าคนๆนี้ทราบข่าวแล้วหรืออย่างไร

 

"เร็วจังเลยนะ, ใครแจ้งข่าวนายไปล่ะ?"

 

"อะไรเร็ว? ใครแจ้งข่าวอะไร? ผมโทรมาหาคุณเพื่อให้ช่วยอะไรบางอย่างต่างหาก"

 

"อ้าว! ผมก็นึกว่านายรู้ข่าวเรื่องการทดสอบเครื่องยนต์ในวันนี้แล้วซะอีก, คุณน่าจะยังไม่รู้, สีหน้าของคนพวกนั้นนะถึงกับเปลี่ยนสีได้กันเลยทีเดียว, มันสุดยอดมากเลย! เจ้าเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่คุณให้มาในคราวนี้มันจะต้องเปลี่ยนแปลงและพัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยีของจีนอย่างมากเลยทีเดียว, เพราะเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์ของเรานั้นเป็นจุดอ่อนอย่างมากของพวกเรามาโดยตลอด"

 

อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาคิดว่าคนพวกนี้เชื่อในข้อมูลที่เขาได้ให้ไปแล้วเสียอีก ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำการทดลองให้เห็นกับตาตัวเองจริงๆ พวกเขาก็คงจะยังสงสัยกันอยู่ต่อไป

 

"ผมเข้าใจแล้ว, แล้วก็ผมก็ให้คุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ"

 

"ได้สิ, มีอะไรรึ?"

 

รู้สึกได้ยินโทนเสียงที่เหมือนไม่เห็นด้วยมาจากอู๋ฮ่าวเหริน, จื่อหยงก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอัจฉริยะคนนี้

 

"คราวก่อนผมบอกคุณเรื่องที่ผมกำลังวิจัยเรื่องการแพทย์ได้ใช่มั๊ย? ตอนนี้ผมอยากจะหาอาสาสมัครมาเข้ามารับการรักษาหน่อย เพื่อดูว่ายังมีขาดตกบกพร่องไปบ้างไหม?"

 

"เดี๋ยวนะ, คุณบอกว่าคุณต้องการจะเอาคนจริงไปทดลองอย่างงั้นเหรอ, เทคโนโลยีของคุณมันเสร็จแล้วอย่างงั้นเหรอ?"

 

"ใช่, เอาจริงๆตอนที่ผมขอให้คุณติดต่อไปยังกระทรวงสาธารณะสุขนั้นมันก็เสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ"

 

ปากของจื่อหยงในเวลานี้เหมือนมีไข่ต้มอยู่ปาก, เขารู้สึกเหมือนหัวของเขามันไม่เพียงพอ

 

มะเร็ง, ชายคนนี้บอกว่าเขาสามารถคิดค้นวิธีรักษามะเร็งได้แล้ว เขารู้สึกเหมือนกำลังฝันไป

 

"ผมจะไปหาคุณและคุยเรื่องนี้ทีหลัง, เรื่องของการทดลองจริงนั้น ผมสัญญาว่าผมจะช่วยคุณแน่นอนตราบเท่าความสามารถของคุณยังOKอยู่"

 

จื่อหยงนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก, เขานั้นได้โทรตลอดการเดินทางเพื่อที่จะรู้ข้อมูลด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งจากบุคลากรที่เกี่ยวข้อง

 

จนกระทั่งเขาได้เดินทางมาถึงฟิวเจอร์กรุ๊ป, เขาก็พอจะเข้าใจเกือบทั้งหมดแล้ว

 

"คุณมั่นใจนะว่าคุณสามารถจัดการกับโรคมะเร็งได้จริงๆน่ะ?"

 

ยิ่งเขารู้เรื่องนี้มากเท่าไร จื่อหยงก็รู้เรื่องความยากของการรักษาโรคนี้มากขึ้นเท่านั้น, ยิ่งตรวจพบได้ไวมากขึ้นเท่าไร ความสำเร็จในการรักษาก็ยิ่งสูงขึ้น แต่หากตรวจพบได้ช้า ความสำเร็จในการรักษาก็จะต่ำลงมาก เพราะเซลล์มะเร็งนั้นสามารถเพิ่มจำนวนเซลล์ได้อย่างรวดเร็ว

 

"มาสิ, ผมจะพาคุณไปที่ห้องวิจัยการแพทย์ ที่ๆพวกเขากำลังทำการทดลองเรื่องนี้กันอยู่ คุณจะต้องเห็นมันด้วยตาตัวเอง"

 

เมื่อทั้งคู่ได้เข้ามาที่ห้องการแพทย์, ทั้ง 4 คนนั้นก็กำลังตั้งใจอยู่กับหนูและทำการทดสอบด้านต่างๆอยู่


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น