CF:บทที่ 266 ขอบคุณ

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 266 ขอบคุณ

 

ในตอนที่ซ่งยูหมิงกำลังจะหลบหนี ก็มีกลุ่มคนบุกเข้ามาพอดี

 

"หยุด, อย่าขยับ"

 

เมื่อเห็นปากกระบอกปืนสีดำที่จ่อมาทางเขา, ซ่งยูหมิงจึงยอมแพ้โดยไม่ขัดขืน

 

"เสี่ยวเหอ, ไปเช็คดูข้อมูลหน่อยสิว่ามันถูกอัพโหลดไปรึยัง?"

 

เมื่อได้ยินที่พูด ซ่งยูหมิงก็หัวเราะออกมาและพูดอย่างดูถูก "ไม่ต้องเช็คให้เสียเวลาหรอก, ผมอัพโหลดเร็วพวกแกซักสองเท่าเสียอีก, ฮ่าๆๆ"

 

"โง่"

 

"ผู้กองครับ, จากการตรวจสอบพบว่า เขาอัพโหลดไฟล์ไปหมดแล้วครับ"

 

"ดีมาก, แจ้งข่าวไปยังศูนย์ใหญ่ พวกเราจะพาตัวหมอนี่ไปที่นั่น"

 

ในตอนนี้ซ่งยูหมิงมองดูคนพวกนี้ด้วยความสงสัยขึ้นมา, ทำไมล่ะ ทั้งๆที่พวกเขารู้ เขาได้ส่งข้อมูลไปหมดแล้วแท้ๆ แต่แทนที่จะสิ้นหวังกลับดูยินดีกันแทนล่ะ?

 

ซึ่งตัวเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าตัวตนของเขานั้นถูกเปิดโปงนานแล้ว, และข้อมูลเหล่านั้นคือหลุมพรางขนาดใหญ่ที่ถูกขุดโดยอู๋ฮ่าวเหริน ที่กำลังรอให้เขากระโดดลงไปอยู่

 

ในเวลานี้, เขานั้นยังเชื่อว่าที่เขาถูกเปิดเผยตัวจริงได้นั้น เป็นเพราะว่าเขาขโมยเอาข้อมูลลับมาจากอู๋ฮ่าวเหริน

 

คนๆนี้ถูกนำพาตัวไปยังค่ายทหารโดยหน่วยปฏิบัติการลับ ซึ่งที่นั่นมีเครื่องบินจอดรออยู่แล้ว และเหล่าสายลับที่ถูกจับในคราวนี้่ก็จะถูกส่งตัวไปยังศูนย์ใหญ่เพื่อทำการสอบปากคำต่อไป

 

ในห้องสอบปากคำ, ซ่งยูหมิงมองดูคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเยาะเย้ย "ถึงพวกแกจะจับผมได้, มันก็เปล่าประโยชน์ หน้าที่ของผมมันเสร็จสิ้นไปแล้วและผมก็ได้ส่งข้อมูลพวกนั้นไปหมดแล้วด้วย"

 

"ช่าย, นายทำหน้าที่ได้ดีมาก ถึงแม้พวกเราจะเป็นศัตรูกัน แต่ผมก็ยังอยากจะบอกขอบคุณนายอยู่ดี, ถ้าปราศจากการร่วมมือของนาย บางทีงานของพวกเราก็คงยากลำบากกว่านี้, ในตอนนี้นายก็ได้ส่งข้อมูลพวกนั้นไปแล้ว คนพวกนั้นก็น่าจะสงบกันไปได้อีกสักพักล่ะนะ"

 

"แกหมายความว่าอะไร, ทำไมแกถึงขอบคุณผม? ที่ผมส่งไปคือเอกสารข้อมูลลับของพวกแกนะ ข้อมูลเรื่องของเทคโนโลยียานยนต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปน่ะ, แต่พวกแกทำราวกับว่าพวกแกเองก็หวังให้ข้อมูลของฟิวเจอร์กรุ๊ปหลุดออกไปเช่นกัน"

 

ผู้กองมองดูซ่งยูหมิงด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจและพูดขึ้น "นี่นายยังคิดว่าข้อมูลพวกนั้นคือข้อมูลลับของฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่อีกงั้นเหรอ? ดูเหมือนพวกเราคงจะต้องประเมินIQนายเสียใหม่แล้ว, นายไม่คิดว่านายขโมยข้อมูลพวกนั้นออกมาได้อย่างง่ายดายเกินไปบ้างรึไง? ขนาดพวกเราเองยังกังวลเองเลยนะว่าพวกเราจะหลอกนายไม่ได้เนี่ย พวกเราเองคิดจะเอาส่งให้นายกับมือเลยด้วยซ้ำ"

 

ซ่งยูหมิงถึงกับนั่งนิ่งไป, ราวกับว่าเขากำลังเข้าใจอะไรบางอย่างจึงรีบถามกลับไป "ข้อมูลพวกนั้นเป็นของปลอมงั้นเหรอ?"

 

"บ้าชะมัด,

ถ้ามันไม่ใช่ข้อมูลปลอม, นายคิดจริงๆเหรอว่านายจะออกมาจากฟิวเจอร์กรุ๊ปได้, และนายคิดจริงๆเหรอว่าพวกเราจะเลี้ยงเสียข้าวสุกขนาดนั้นเลยเหรอ ต่อให้คุณอู๋ฮ่าวเหรินจะประมาทก็เถอะ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ทางเราจะปล่อยให้ใครมาขโมยข้อมูลออกไปจากฟิวเจอร์กรุ๊ปได้อยู่ดี"

 

มองดูซ่งยูหมิงที่เหมือนกำลังหน้ามืดตาบอด ผู้กองจึงได้พูดต่อไปอีก "และเป็นเพราะการร่วมมืออย่างดีจากนาย ผมจึงได้บอกขอบคุณนายไง, ในตอนนี้ เป็นเพราะนายพวกเราจึงสามารถจัดการกับเรื่องต่างๆได้ง่ายขึ้นมากเลยเลยล่ะ, แต่น่าเสียดายนะ ที่ผมคงจะต้องพานายไปใช้ชีวิตที่เหลือในคุกแล้วล่ะ"

 

ซ่งยูหมิงที่ดูเหมือนจะหมดความอดทนนิดหน่อย ก็พูดออกมาพร้อมกับยิ้ม "อย่ามาโกหกผมเลย คิดจะล้วงข้อมูลจากผมล่ะสิ"

 

"ไอ้โง่เอ๊ย! จะบอกอะไรอย่างนึงนะ, ข้อมูลที่นายได้ไปน่ะ เป็นกับดักที่วางเอาไว้โดยคุณอู๋ฮ่าวเหรินตอนที่นายไปที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปยังไงล่ะ, ในตอนที่นายเจรจาขอความร่วมมือจากเขา เขาก็ได้เริ่มวางกับดักไว้แล้ว"

 

"มันเป็นไปไม่ได้ พวกแกไม่น่าจะรู้ตัวตนของฉันมาก่อนสิ แกจะต้องโกหกฉันแน่ๆ  ฉันไม่เชื่อแกหรอก"

 

ผู้กองพบว่าชายคนนี้มั่นใจในตัวเองมากกว่าตัวตนของเขานั้นยังไม่ถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงได้สงสัยและเช่นว่าข้อมูลพวกนั้นเป็นของจริง ดูเหมือนคนที่มีความมั่นใจและฉลาดมากเกินไปบางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดี

 

"งั้นผมจะบอกข่าวร้ายอะไรให้นายอย่างนึง ในตอนที่นายไปสมัครเข้าทำงานที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปในตอนแรกนั้น เขาคนนั้นก็รู้แล้วว่านายคือสายลับ, บางครั้งอะไรที่นายคิดว่าเป็นความลับแล้ว แต่สำหรับคอมพิวเตอร์ของเขาคนนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากข้อมูลสาธารณะเลยล่ะ"

 

"หรือจะให้พูดก็คือ ถ้านายไม่สมัครเข้าทำงานที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปในตอนนั้น, บางทีตัวตนของนายอาจจะยังไม่ถูกเปิดเผยก็ได้ ด้วยIQอย่างนาย มันก็เป็นไปได้ว่านายอาจจะทำสำเร็จ, แต่เสียใจด้วยนะ เมื่อเทียบกับเขาคนนั้นแล้ว IQของนายยังห่างชั้นกันว่ะ"

 

"โห, ฉันไม่เชื่อที่แกพูดหรอก และอย่าหวังด้วย, คิดจะใช้จิตวิทยาเล่นงานฉันล่ะสิ, ฉันน่ะรู้เรื่องกลวิธีการสอบปากคำมากกว่านายซะอีก"

 

มองดูชายคนนี้ที่ยังไม่เชื่อ ผู้กองจึงหยิบข้อมูลที่เกี่ยวกับพวกเขาคอยเฝ้าจับตาดูเขาและโยนออกมาตรงหน้าเขา

 

"ถ้าไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาสินะ เอ้า, เอาไปดู ผมน่ะไม่จำเป็นต้องใช้กลวิธีสอบปากคำด้วยจิตวิทยากับนายหรอก แต่อยากให้นายได้เข้าใจอะไรบ้าง เชิญไปอ่านตามสบายนะ, ผมขอตัวไปจัดการกับพวกสายลับที่มาติดต่อกับนายเสียหน่อย แล้วเดี๋ยวผมจะกลับมาคุยกับนายอีก"

 

ทันทีที่ผู้กองออกมาจากห้อง, ก็มีใครบางคนถามขึ้น "ผู้กองครับ ได้เรื่องอะไรบ้างมั๊ยครับ?"      

 

คนฉลาดอย่างหมอนั่น มักจะมั่นใจในตัวเองสูงมาก, เราจะต้องทำลายความมั่นใจเขาเสียก่อน ถ้าพวกเราใช้วิธีข่มขู่ให้สารภาพไป ก็เปล่าประโยชน์, สายลับพวกนั้นถูกฝึกมาด้วยวิธีที่โหดกว่าพวกเราเยอะนัก

 

ซ่งยูหมิงอ่านข้อมูลการถูกจับตามอง, ซึ่งมีตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มติดต่อกับฟิวเจอร์กรุ๊ป การเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าวอยู่ภายใต้การจับตาดูของคนพวกนี้

 

ในตอนแรก, เขาคิดว่าใครก็ตามที่มาติดต่อกับอู๋ฮ่าวเหรินจะต้องถูกดำเนินการเช่นนี้หมด

 

แต่ทว่า, เมื่ออ่านต่อไปอีกก็พบว่าตราบเท่าที่มีใครก็ตามที่มาติดต่อกับเขา คนพวกนั้นจะต้องถูกตรวจสอบหมด แม้แต่ผู้หญิงคนที่เขากำลังมองหาก็ถูกตรวจสอบด้วย, ในตอนนี้เองที่ความมั่นใจของเขาก็ค่อยๆถูกพังทลายลง จนในที่สุด เขาก็นั่งเก้าอี้แบบคนไร้เรี่ยวแรง สีหน้าสีซีดเผือดราวกับคนตาย

 

หลังจากนั้นซักพัก, ผู้กองก็เข้ามาและมองมาที่ซ่งยูหมิง แล้วยิ้ม

 

ถ้าพวกเขาทำสำเร็จ ต่อไปก็จะง่ายแล้ว, ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถทลายกำแพงทางจิตใจได้ พวกเขาก็จะสามารถรีดเล้นเอาข้อมูลได้อย่างช้าๆ คนพวกนี้มันจะเลือกฆ่าตัวตายตราบเท่าที่พวกเขายังจับตัวไม่ได้ และตอนนี้ก็เป็นโอกาสแล้ว

 

ในฟิวเจอร์กรุ๊ป เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินได้ทราบข่าว, ลิ่วหมิงเยว่ก็ได้ส่งข้อความออกไปในอินเตอร์เน็ท

 

เนื้อความก็ไม่มีอะไรมากบอกแค่ว่า มีสายลับจากบางประเทศได้เข้ามาในฟิวเจอร์กรุ๊ปและขโมยข้อมูลบางอย่างออกไป และขอประณามการกระทำแบบนี้และเตือนไปยังประเทศที่ขโมยข้อมูลออกไปว่าให้ระวังกรรมตามสนองไว้ให้ดี

 

แน่นอนว่า อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรระบบรักษาสมดุลรถที่ซ่งยูหมิงนำมาเรียบร้อยแล้ว

 

หลังจากใช้จี้นิรนัยข้อมูลออกมา, มันก็จะง่ายที่จะถอดจุดสำคัญของเทคโนโลยีนี้ออกมา, ถึงแม้อู๋ฮ่าวเหรินจะไม่ต้องการเทคโนโลยีนี้ก็เถอะ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะไม่เอาไป

 

ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นคนที่วิจัยเทคโนโลยีนี้ออกมา, แต่อู๋ฮ่าวเหรินจะต้องให้พวกเขาได้ชดใช้กับการที่คิดจะมาหลอกใช้ฟิวเจอร์กรุ๊ป

 

ข่าวเรื่องของการถูกขโมยข้อมูลไปโดยสายลับในฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น ไม่นานก็ได้แพร่ออกไปทั่วบนโลกอินเตอร์เนท, บางประเทศก็เริ่มตรวจสอบว่าประเทศไหนที่ทำสำเร็จ

 

ในเวลานี้ ผู้คนจีนต่างก็แสดงความคิดเห็นเกลียดชัง ประเทศที่มาขโมยข้อมูลของฟิวเจอร์กรุ๊ปไป ซึ่งเต็มไปด้วยถ้อยคำที่หยาบคายในเว็บบอร์ดของฟิวเจอร์กรุ๊ป

 

ในขณะเดียวกัน, ข่าวนี้ใช้เป็นการยืนยันได้ว่า ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีเทคโนโลยีผลิตยานยนต์ล้ำสมัยออกมาได้แล้วจริงๆ

 

มิเช่นนั้น, ทำไมประเทศพวกนั้นถึงได้ส่งสายลับมาขโมยเอาข้อมูลรถจากฟิวเจอร์กรุ๊ปไป

 

หลังจากที่เรื่องนี้จบลง, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้โทรศัพท์หาจื่อหลงเพื่อคุยกันเรื่องของดาวเทียม

 

ไม่ว่าจะไฟฟ้าชีวภาพบำบัดก็ดี หรือรถที่กำลังจะสร้างขึ้นก็ดี, ต่างก็ต้องการดาวเทียมทั้งนั้น เขานั้นต้องการที่จะมีดาวเทียมของตัวเองมานานแล้ว ในการนี้, เขาจึงได้ให้จี้ทำอะไรบางอย่างโดยที่ไม่มีใครรู้

 

แต่ทว่า, โอกาสนั้นก็ยังไม่มาถึงเสียที แต่คราวนี้เขามีเรื่องของการร่วมมือทำยานยนต์และระบบการขับขี่แบบไร้คนขับก็คิดค้นขึ้นได้แล้ว


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น