CF:บทที่ 242 เริ่มแข่ง (เสริม 2)

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 CF:บทที่ 242 เริ่มแข่ง (เสริม 2)


เพราะเวลาที่ห่างจากจีนถึงสองชั่วโมง ในขณะที่อู๋ ฮ่าวเหริน รับประทานอาหารเช้าพลางดูข่าวอยู่นั้น ผู้คนที่นั่นก็เริ่มเข้าไปในสนามแข่งแล้ว


เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าการโจมตีเมื่อคืนนี้จะแค่การซ้อมรบชั่วคราว


ลืมมันเสียเถอะ จะยังไง เขาก็ต้องฆ่าคนพวกนั้น เขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีท่าทีอย่างไรเมื่อรู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้ไปที่นั้น


เช้านี้เมื่อผู้จัดการแข่งขันได้รายชื่อมาจากทั้งสองฝ่ายแล้วนั้น พวกเขาก็มีท่าทีงุนงง จากนั้นจึงส่งคนไปถามหวังหลานเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนได้รู้ว่าอู๋ ฮ่าวเหริน ไม่ได้มา นั่นทำให้พวกเขารู้สึกว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปขอยอมแพ้การแข่งนี้อย่างสมบูรณ์


“คุณได้ยินเรื่องที่ผู้จัดการการแข่งได้ข่าวว่าผู้บริหารฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่มาไหม”


“เป็นไปได้ยังไงที่ผู้ชายเก่งๆแบบนั้นไม่มาเข้าร่วมการแข่งที่สำคัญแบบนี้”


“นั่นน่ะสิ และครั้งนี้ฉันก็ได้ยินมาอีกนะว่า ฝ่ายคอมพิวเตอร์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้เป็นผู้นำทีมรวมถึงเป็นเลขาของคนพวกนั้น ส่วนตัวเขาไม่ได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง”


“ข่าวนั่นจริงหรือเปล่า ฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ได้ให้ความสนใจกับการแข่งครั้งนี้”


“...”


ข่าวที่ว่านั้นรู้ไปถึงหูผู้คนอย่างรวดเร็ว ผู้ชมดูท่าทางไม่เชื่อเล็กน้อยที่อู๋ ฮ่าวเหรินไม่มาในการแข่งนี้


จากนั่นผู้คนก็เริ่มคุยกันว่าหรืออัจฉริยะจากฟิวเจอร์กรุ๊ปจะกลัวการพ่ายแพ้


ชมิดท์อยู่ในห้องโถงเมื่อเขาได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกอึ้งก่อนจะยืนยันกับทางพนักงาน


 “ท่านผู้บริหารบนบอร์ดนี้ สุภาพบุรุษของฟิวเจอร์กรุ๊ป เรื่องที่ไม่มาในการแข่ง เขาช่างไม่มีความเคารพต่อพวกเราเลย”


“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทำได้ดีแล้ว แล้วงานของเราเองก็คือเก็บเกี่ยวข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขาเพื่อชนะเกมนี้ ไม่ได้มาดูผู้ชายที่เก่งๆคนนั้น”


อู๋ ฮ่าวเหริน ไม่ได้ไปซิดนีย์เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันปัญญาประดิษฐ์ ข่าวนี้นั้นไม่นานก็ถูกเผยแพร่ไปบนอินเทอร์เน็ต มีคนมากมายไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่มางานที่สำคัญเช่นนี้


สิ่งนี้ทำให้คนคิดว่ากลุ่มนี้จะต้องพ่ายแพ้ในกาลข้างหน้า


เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ พลเมืองเครือข่ายชาวจีนเองรู้สึกว่าเมื่อพวกเขาไม่ชนะ ฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ไม่น่าจะเห็นด้วยเรื่องไปแข่งกับกูเกิ้ล


บางคนก็คิดว่าการแข่งครั้งนี้คือข้อแลกเปลี่ยนที่ดี


ช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์นั้นเป็นสิ่งที่ใครก็อยากเห็น


แต่อย่างไรก็ตาม ชาวต่างชาติกลับตื่นเต้น แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็จะได้ตระหนักว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปในจินตนาการไม่ใช่แถวหน้าของโลก คนที่ฉลาดแบบนั้นต่างหากที่เรายังขาดแคลน


แต่กลับอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขากลับได้รับข่าวที่แทบจะทำให้กระอักเลือด ในตอนนี้ พวกเขาก็ต่างกระอักเลือดออกมาจริงๆ


แผนลักพาตัวอันแสนรอบคอบนี้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงยิ่งจนเป็นเหตุให้ต้องเสียสละผู้คน


มาในตอนนี้ เขารู้แล้วว่าจุดประสงค์ที่พวกเขาต้องการลักพาตัวนั้นมีเพียงแค่คนในทีม ไม่มีอะไรดูหดหู่ไปมากกว่านี้แล้ว


ภารกิจล้มเหลวไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ปัญหาก็คือพวกเขาได้สูญเสียคนเก่งๆไปหลายคนเพื่อเป้าหมายอันว่างเปล่า


ที่ฝ่ายข้อมูลในตอนนี้ ทุกคนดูมีสีหน้าย่ำแย่ รัฐมนตรีของฝ่ายเองเหมือนกับสิงโตที่กำลังโกรธเกรี้ยว คำรามใส่ทุกคนที่ปล่อยให้เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้


“ท่านรัฐมนตรีครับ ผมรู้สึกว่านี่จะต้องเป็นสิ่งที่ไตร่ตรองไว้ก่อน จะต้องมีหนอนบ่อนไส้ นี่เป็นกับดักและที่คนของพวกเราทำงานล้มเหลวก็คงเป็นแผนของมัน”


ไม่ว่านี่จะการละเลยจริงๆหรือเจตนาที่ไตร่ตรองไว้ก่อน ก็ต้องมีคำแก้ตัวให้กับรัฐมนตรีฝ่ายข้อมูลเพื่อให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้


ใช่แล้ว นี่ล่ะคือกับดักที่พวกเป้าหมายวางไว้ ไม่ใช่ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับฝ่ายข้อมูลหรอกหรอ แน่นอน ว่าพวกเขาก็มีความรับผิดชอบอยู่บ้าง เพียงแต่มันน้อยนิดมากกว่าแต่ก่อนนี้


อู๋ ฮ่าวเหริน ก็ไม่คาดหวังว่าจะต้องมาแบกรับภาระของรัฐมนตรีฝ่ายข้อมูล แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับต้องการทีจะแบกรับมันแม้ว่าจะรู้เรื่องพวกนี้แล้ว


บางคนแก้ตัว บ้างก็ฆ่าตัวตาย บางส่วนก็ขอลาออก


การละเลยเช่นนี้ทำให้ประเทศที่วางแผนโจมตีรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย


แต่ไม่ว่ายังไง สงครามปัญญาประดิษฐ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่เหตุการณ์เมื่อคืนก่อนนั้นยังไม่ได้ปะทุ


จากตอนแรกที่อู๋ ฮ่าวเหริน คือเป้าสายตาที่ทุกคนจับจ้อง แต่ทว่าตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นเกมการแข่งนี้ เมื่อเจ้าบ้านอ่านแล้วจึงทราบว่าผู้นำของฟิวเจอร์กรุ๊ปคือ เฉินเจิ้นหนิงและเป็นเขาเองที่ยืนยันว่าอู๋ ฮ่าวเหริน จะไม่มาที่นี่


ในตอนนี้ ยังมีคนที่มองว่าพวกฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ใช่พวกที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชมิดท์ซึ่งทำงานในตำแหน่งผู้บริหารกูเกิล ที่เอ่ยปากเองว่าไม่ให้พนักงานสนใจเรื่องนี้นัก แต่อย่างไรก็ตาม การที่อู๋ ฮ่าวเหริน ไม่ปรากฏตัวนั้นทำให้เขารู้สึกว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ใส่ใจการแข่งนี้มากเท่าที่ควร


หลักๆแล้ว เฉิน เจิ้นหนิงเพียงแค่พูดกระตุ้นคนของเขาเท่านั้น การแข่งที่น่าเบื่อนี่คืออะไร แข่งให้เสร็จไวๆล่ะฉันยังมีงานอีกมากต้องทำให้เสร็จ สำหรับพวกเขาแล้วนี่คือการดูถูกอย่างยิ่ง


แน่นอนว่า คำพูดของ เฉินเจิ้นหนิงทำให้ผู้ฟังที่ติดตามมาด้วยรู้สึกสับสน จากสิ่งที่ตัวแทนในฟิวเจอร์กรุ๊ปพูด พวกเขาเข้าใจไปอีกความหมายหนึ่งคือว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปดูจะไม่ได้สนใจการแข่งนี้จริงๆ


ใบหน้าของหวังหลานเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนจะมองไปที่เฉินเจิ้นหนิง คิ้วของเธอยกขึ้นด้วยความโกรธ นี่เธออุตส่าห์เตรียมบทพูดให้เขานะ แต่ดูเขาพูดสิ


“คราวนี้เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะคุณ”


“ฮ่าๆ นี่ผมลืมท่องบทในกระดาษที่คุณร่างไว้ให้เมื่อคืนก่อนน่ะ ก็เลยลืมว่าต้องพูดอะไรไปพักหนึ่ง ทีนี้ผมก็พูดในสิ่งที่ผมคิด อย่าโกรธกันเลยน่า นี่ถ้าคุณโกรธ ตอนกลับไปบอสจะต้องมาคอยกวนใจผมแน่ๆ แล้วอย่าห่วงเลย ผมสัญญาว่าจะชนะในเกมนี้แต่พวกเขาจะไม่ชนะซักเกมเดียว”


“เยี่ยม”


เฉินเจิ้นหนิง รู้สึกมึนงงกับดวงตาที่ดูสับสนหลายคู่ จากนั้นจึงถามความคิดเห็นของเขา “พวกเขาสลับเครื่องรับส่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”


 “ก็ตอนที่คุณพูดยังไงล่ะ” ที่บอกว่า “ผมสัญญาว่าจะเอาชนะเกมนี้ให้หมด แต่พวกเขาจะไม่ชนะซักเกมเดียว”


”อ่ะ ก็ได้ๆ  แต่ผมยังไม่ทันได้พูดอักษรแถวหน้าเลย นี่ไง คุณก็เห็นนี่ ผมพูดความจริงนะ”


เจ้าบ้านรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง ตัวเขาเองก็เพิ่งจะได้สัมภาษณ์ผู้บริหารกูเกิล และพวกพนักงานก็ตัดมาตรงๆ ใครจะคิดว่าเขาจะพูดอะไรออกมาโดยไม่มีการเตรียมตัว ส่วนทีมกูเกิลที่อยู่อีกด้านนั้นโกรธจัด ส่วนเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะเพียงแค่มาสู้กับเฉินเจิ้นหนิง เท่านั้น


จนถึงตอนนี้พวกเขารู้สึกเหมือนโดนดูถูกเป็นอย่างยิ่ง แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรมันอีก และแล้วเขาก็พูดออกไปอีกครั้ง


เขาคือคนไร้ยางอายที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ หลังจากได้รับชัยชนะ พวกเขาคงจะต้องเข้าไปคุยให้รู้เรื่องเพื่อให้เขาเข้าใจว่าความเคารพนั้นคืออะไร


“มีอะไรจะกล่าวอีกไหมครับ ท่าน”


“แกเผยแพร่ทุกอย่างที่เขาพูดออกไปแล้ว ถ้าแกมีอะไรจะพูด ก็พูดให้ไวเลย ทำให้พวกเขารู้ว่าฉันพูดความจริง” 


 “ดูเหมือนว่า คุณ เฉินเจิ้นหนิง ตัวแทนจากฟิวเจอร์กรุ๊ปประเทศจีนนี่จะเป็นคนมีอารมณ์ขันน่าดูนะคะ ต่อไป เรามาทำความเข้าใจเรื่องปัญญาประดิษฐ์นั้นคืออะไรและสิ่งที่พวกเขาจะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่มนุษยชาติผ่านทางจอใหญ่นี้นะคะ”


คนจากทั้งสองฝ่ายตรงมาที่เวทีพร้อมกับอุปกรณ์ ในเกมแรก คนห้าคนจะได้รับคัดเลือกแบบไม่เรียงลำดับ โดยหลังจากถามคำถามแล้ว หุ่นปัญญาประดิษฐ์ของทั้งสองฝ่ายจะต้องตอบคำถามให้พร้อมกัน


เวลาในการตอบคำถามนั้นไม่ช้าหรือหรือเร็วเกินไป ความพอดีของคำถามและคำตอบจะได้รับการตัดสินจากนักวิชาการ


แน่นอนว่า เวลาจำกัดอยู่ที่หนึ่งนาที  ถ้าตอบไม่ทันก็ถือว่าตกรอบ


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น